วันเสาร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2554

เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online social network) คืออะไร

เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Online social network) คืออะไร



ความหมายของเครือข่ายสังคม (Socail network) มีผู้อธิบายไว้หลายท่านดังนี้



ประดนเดช นีละคุปต์ (2551) อธิบายว่า เป็นการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกันโดยทางใดทางหนึ่ง โดยอาศัยเทคโนโลยีเว็บ อนงค์นาฎ ศรีวิหค (2551) อธิบายว่า เป็นการเชื่ยมโยงประชากรเข้าด้วยกัน
อิทธิพล ปรีติประสงค์ (2552 :http://gotoknow.org/blog/virtualcommunitymanagement/288469) กล่าวว่า
“เครือข่ายสังคมออนไลน์ เป็นปรากฎการณ์ของการเชื่อมต่อระหว่างบุคคลในโลกอินเทอร์เน็ต และ ยังหมายรวมถึง การเชื่อมต่อระหว่างเครือข่ายกับเครือข่ายสังคมออนไลน์ เข้าด้วยกัน ในแง่ของการให้ความหมายของคำว่า “เครือข่ายสังคมออนไลน์” นั้น คุณเก่ง หรือ กติกา สายเสนีย์ ในเว็บบล็อก http://keng.com/2008/08/09/what-is-social-networking/ ได้ให้ความหมายที่น่าสนใจว่า
Social Network คือ การที่ผู้คนสามารถทำความรู้จัก และเชื่อมโยงกันในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็น เว็บ Social Network ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่นเอง ตัวอย่างของเว็บประเภทที่เป็น Social Network เช่น Digg.com ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่เรียกได้ว่าเป็น Social Bookmark ที่ได้รับความนิยมอีกแห่งหนึ่ง และเหมาะมาก ที่จะนำมาเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยในเว็บไซต์ Digg นี้ ผู้คนจะช่วยกันแนะนำ url ที่น่าสนใจเข้ามาในเว็บ และผู้อ่านก็จะมาช่วยกันให้คะแนน url หรือข่าวนั้น ๆ เป็นต้น
ในแง่ของการอธิบายถึงปรากฎการณ์ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ ยังมีการอธิบายผ่านคำว่า Social network service หรือ SNS เป็นการเน้นไปที่การสร้างชุมชนออนไลน์ซึ่งผู้คนสามารถที่จะแลกเปลี่ยน แบ่งปันตามผลประโยชน์ กิจกรรม หรือความสนใจเฉพาะเรื่อง ซึ่งอาศัยระบบพื้นฐานของเว็บไซต์ที่ทำให้มีการโต้ตอบกันระหว่างผู้คนโดยแต่ละเว็บนั้นอาจมีการให้บริการที่ต่างกัน เช่น email กระดานข่าว และในยุคหลังๆมานี้ เป็นการแบ่งปันพื้นที่ให้สมาชิกเป็นเจ้าของพื้นที่ร่วมกันและแบ่งปันข้อมูลระหว่างโดยผู้คนสามารถสร้างเว็บเพจของตนเองโดยอาศัยระบบซอฟท์แวร์ที่เจ้าของเว็บให้บริการ
ในขณะเดียวกัน Howard Rheingold ได้เขียนคำจำกัดความของคำว่า virtual Community ในหนังสือ virtual communy ว่าหมายถึง การสื่อสาร และ ระบบข้อมูล ของบรรดาเครือข่ายสังคม ซึ่งแบ่งปันในผลประโยชน์ร่วมกัน ความคิด ชิ้นงาน หรือ ผลลัพธ์บางประการที่มีการโต้ตอบกันผ่านสังคมเสมือนจริง ซึ่งไม่ถูกผูกพันโดยเวลา พรมแดน เขตแดนของหน่วยงาน และในทุกๆที่ที่บุคคลสามารถพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างกันผ่านระบบออนไลน์ (คัดลอกจาก Virtual community)
ในขณะที่ การแบ่งหมวดหมู่ของเครือข่ายสังคมออนไลน์ อิสริยะ ไพรีพ่ายฤทธิ์ ได้จำแนกหมวดหมู่ หรือ ประเภทของเครือข่ายสังคมออนไลน์ไว้ใน บทบาทของ Social Network ในอินเทอร์เน็ตยุค 2.0 โดยพิจารณาจากเป้าหมายของการเข้าเป็นสมาชิกในเครือข่ายสังคมออนไลน์ ได้เป็น ๕ กลุ่มใหญ่ๆ กล่าวคือ
(๑) Identity Network คือ การแสดงตัวตนและภาพลักษณ์ของตน เช่น http://www.hi5.com/ http://www.facebook.com/
(๒) Interested Network เป็นการรวมตัวกันโดยอาศัย“ความสนใจ” ตรงกัน เช่น Digg.com , del.icio.us
(๓) Collaboration Network เป็นกลุ่มเครือข่ายที่ร่วมกัน “ทำงาน” ยกตัวอย่างเช่น http://www.wikipedia.org/
(๔) Gaming/Virtual Reality หรือ โลกเสมือน ในบางครั้งเราเจอคำว่า second life ซึ่งเป็นลักษณะของเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะเป็นการสวมบทบาทของผู้เล่นในชีวิตจริงกับตัวละครในเกม และ (๕) Professional Network ใช้งานในอาชีพ “


จัดทำโดย สุชาต จันทรวงศ์ เวลา 18:30

Google Chrome OS ระบบปฏิบัติการจากกูเกิล


เมื่อ google ลงมาลุยตลาด os เจ้าแห่ง Search Engine ลงมาทำ os เองงานนี้คงจะกวาดลูกค้าทำความกระทบแก่ฝั่งตรงข้ามไม่น้อย มีตลาดน่าสนใจอยู่หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น พีซี โทรศัพท์มือถือ iphone ipad
Google Chrome Operating System หรือ Google Chrome OS คือผลงานล่าสุดจาก Google ที่ช่วยให้ บรรดา User สาวก Google ทั้งหลาย ได้มี OS เจ๋งๆเอาไว้ใช้งานบนเครื่อง PC ซึ่ง Google Chrome OS นี้ถือเป็นภาคต่อล่าสุดของ Chrome Browser
Google Chrome OS เป็น Open Source ที่มีขนาดเบาไม่หนักและรกเครื่องเหมาะสำหรับ Notebook Spec ต่ำๆเช่นพวก Netbook ทั่วไปโดย กูเกิลคาดว่าภายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2010 และได้ปล่อย Google Chrome OS ออกสู่ตลาดอย่างเป็นทางการ
มารู้จักกับ Google Chrome OS และแนวคิดจาก Google
Concept ของ Google Chrome OS ที่ กูเกิลได้วางไว้คือจะต้องมีความเรียบง่าย ทำงานได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ปราศจาก Virus Computer และ Mulware ต่างๆ และที่สำคัญด้าน User Interface ของ OS ต้องคงความเป็น Google เอาไว้คือ เรียบสุดๆ ไม่มีอะไรมารกหน้าจอ
Google ตั้งเป้าเอาไว้ว่า ความสามารถของ Google Chrome OS จะทำให้ผู้ใช้งานเปิด Web ปุ๊บ ติดปั๊บ อยาก Check Mail เหรอ ง่ายมาก Click ปุ๊บ Mail มาปั๊บ หรือเวลาจะต่ออุปกรณ์อื่นๆเข้ากับ Computer ก็ไม่ต้องเสียเวลาติดตั้งหลายนาที ประเภทเสียบปุ๊บ ติดปั๊บเลย พูดง่ายๆ คือ Concept คือ อยากให้ทุกคนรู้สึกเหมือน Computer ของตัวเองทำงานได้เร็วอยู่ตลอดเวลา เร็วเหมือนตอนซื้อเครื่องไหม่ๆ ไม่ใช่แบบที่พอเราติดตั้ง Program อะไรลงไปมากเข้าๆ ก็พาลจะทำงานช้าลงๆ
Google Chrome OS ทำงานบน X36 และ ARM Chips และขณะนี้ทีมพัฒนาได้ทำการทดสอบกับ OEMS ต่างๆเพื่อให้แน่ใจว่าสามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพกัย Netbook ที่จะออกมาในช่วงปี 2010 นี้ โดยใช้ระบบปฏิบัติการที่มีรากฐานจาก Linux Kernal และสามารถรองรับพวก Web-Base Application ต่างๆ
Google Chrome OS กับ Android ต่างกันอย่างไร
บางคนสับสนว่าแล้ว Google Chrome OS กับ Android ต่างกันอย่างไร ง่ายๆเลยคือ Android ถูกสร้างมาเพื่อใช้งานกับเครื่องมือที่มีเสป็คต่ำๆเช่น โทรศัพท์หรือ NetBoook ที่มี Specification ไม่สูงซึ่งต้่างกับ Google Chrome OS ที่ถูกสร้างมารองรับ Computer ตั้งแต่ netbook ไปจนถึง Desktop เพื่อให้มีการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและรวดเร็วกว่า





เมื่อ: วันพฤหัส, มิถุนายน 23rd, 2011, หมวด คอมพิวเตอร์ ไอที
http://www.9inter.com/

Windows 8 ระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันถัดไป


การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง สำหรับระบบปฏบัติการจาก microsoft ล่าสุดเริ่มเผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันถัดไป Windows 8 ซึ่งไมโครซอฟท์การันตีว่าออกแบบมาสำหรับการใช้บนคอมพิวเตอร์พีซีและแท็บเล็ตทัชสกรีนอย่างครบวงจร เติมคุณสมบัติทัชสกรีนที่มีในโอเอสสำหรับสมาร์ทโฟนอย่าง Windows Phone 7 ให้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบไร้รอยต่อ คาดว่าจะมีการเปิดเผยคุณสมบัติ Windows 8 อีกรอบช่วงเดือนกันยายนนี้
Steven Sinofsky ประธานฝ่ายธุรกิจวินโดวส์จากไมโครซอฟท์ สาธิตคุณสมบัติบางส่วนของระบบปฏิบัติการ Windows 8 ในงาน D9 ซึ่งจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนียเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยการันตีว่าวินโดวส์เวอร์ชันใหม่จะมีทุกความสามารถซึ่งพบในอุปกรณ์พกพายอดฮิตอย่างไอแพด
“คอมพิวเตอร์แล็บท็อป แท็บเล็ต และคอมพิวเตอร์เดสก์ท็อป ล้วนสามารถรันบนระบบปฏิบัติการเดียว”
ก่อนการขึ้นเวทีเพื่อนำเสนอ Windows 8 ในงาน D9 ผู้บริหารไมโครซอฟท์ได้โชว์ภาพหน้าจอเริ่มต้น (start screen) ซึ่งมีลักษณะเป็นช่องตารางลักษณะเดียวกับ Windows Phone 7 ซึ่งไมโครซอฟท์ยืนยันว่าพัฒนาบนเป้าหมายให้ผู้ใช้รับและจำแนกข้อมูลได้รวดเร็วและง่ายดาย กว่าการใช้ไอคอนซึ่งผู้ใช้ต้องคลิกเพื่อเปิดใช้แอปพลิเคชันตามปกติ
หัวหน้าทีมพัฒนา Windows 8 ให้สัมภาษณ์ว่าไมโครซอฟท์กำลังพยายามเสนอประสบการณ์ใหม่ในการใช้งานคอมพิวเตอร์ โดยเป้าหมายพื้นฐานของการสร้าง Windows 8 คือการสร้างระบบที่สามารถทำงานได้ดีทั้งบนแท็บเล็ตที่มีขนาดหน้าจอ 7-8 นิ้วหรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่สามารถต่อเชื่อมหน้าจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ได้ โดยภาพ Windows 8 ที่ถูกเปิดเผยทำให้นักวิเคราะห์มองว่าเป็นไปได้สูงที่ไมโครซอฟท์จะให้บริการร้านดาวน์โหลดแอปฯ หรือ App Store สำหรับผู้ใช้วินโดวส์ในอนาคต
จากการสาธิต Windows 8 สามารถรองรับทั้งแอปฯแบบดั้งเดิมที่รันบนระบบปฏิบัติการวินโดวส์เวอร์ชันปัจจุบันอย่าง Windows 7 และแอปฯยุคใหม่ที่มีลักษณะคล้ายกับแอปฯบนอุปกรณ์พกพา แอปฯแบบหลังจะเน้นการแสดงผลเต็มหน้าจอตามโหมดการทำงานและอุปกรณ์ต่างขนาด ซึ่งรองรับทั้งเทคโนโลยี HTML5 และจาวาสคริปต์
ก่อนหน้างาน D9 รองประธานฝ่ายพัฒนาวินโดวส์ Julie Larson-Green เคยโพสต์ข้อความบอกเล่าการเปลี่ยนแปลงใน Windows 8 ว่าเป็นการเปลี่ยนโฉมวินโดวส์ตั้งแต่ภายในถึงภายนอก โดยมั่นใจว่าระบบปฏิบัติการ Windows 8 จะเหมาะสมกับอุปกรณ์ทั้งที่มีและไม่มีคีย์บอร์ด/เมาส์ จุดนี้ Larson-Green ประกาศว่าไมโครซอฟท์จะโชว์ตัว Windows 8 อย่างละเอียด พร้อมโปรแกรม Internet Explorer 10 เว็บเบราว์เซอร์เร็วจี๋ถึงใจที่จะถูกนำมารวมไว้ใน Windows 8 ที่งานประชุมนักพัฒนาซึ่งจะจัดขึ้นที่แคลิฟอร์เนีย ช่วงวันที่ 13 กันยายนนี้
ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ของไมโครซอฟท์นั้นยังคงเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกใช้งานมากที่สุดในโลก มียอดจำหน่ายลิขสิทธิ์มากกว่า 400 ล้านเครื่องต่อปี อย่างไรก็ตาม วินโดวส์ถูกวิจารณ์ว่ากำลังล้าหลังคู่แข่งอย่างแอปเปิลและกูเกิลในตลาดแท็บเล็ต เพราะผลิตภัณฑ์ระบบปฏิบัติการไอโอเอสอย่าง iPad สามารถครองตำแหน่งเบอร์ 1 ในตลาดเรียบร้อย
สำหรับข่าวคราวล่าสุดของไมโครซอฟท์ คือการถูกพันธมิตรสัญชาติฟินแลนด์อย่างโนเกียปฏิเสธแข็งขันว่าไมโครซอฟท์จะไม่เข้าซื้อโนเกียอย่างที่มีข่าวลือซึ่งอ้างข้อมูลจากนักวิเคราะห์ Eldar Murtazin ที่ระบุว่าไมโครซอฟท์กำลังพิจารณาซื้อธุรกิจโทรศัพท์มือถือจากโนเกียด้วยมูลค่า 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดย Stephen Elop ซีอีโอโนเกียซึ่งเคยทำงานกับไมโครซอฟท์มาก่อนเป็นผู้ปฏิเสธข่าวที่เกิดขึ้น
ซีอีโอโนเกียยังคงยืนยันว่า สมาร์ทโฟนโนเกียที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Phone 7 ของไมโครซอฟท์จะเริ่มวางตลาดได้ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้




ที่มา :::::  http://www.9inter.com/

แท็บเล็ต - Tablet คืออะไร

 

หลายๆคนพอพูดถึง "แท็บเล็ต - Tablet" แล้วอาจจะงงว่ามันคืออะไร ?? แต่ถ้าพูดว่า iPad, Samsung Galaxy Tab แล้วล่ะก็ต้องร้อง อ๋อ กันแน่นอนซึ่ง iPad และ Samsung Galaxy Tab นั้นจริงๆแล้วเป็นเพียงแค่ชื่อรุ่นเท่านั้น แต่แท้ที่จริงแล้วตัวเครื่องเหล่านี้จะเรียกกันว่า "แท็บเล็ต - Tablet"
 
"แท็บเล็ต - Tablet" ในความหมายแท้จริงแล้วก็คือแผ่นจารึกที่เอาไว้บันทึกข้อความต่างๆโดยการเขียน (อาจจะเป็นกระดาษ, ดิน, ขี้ผื้ง, ไม้) และมีการใช้กันมานานแล้วในอดีต แต่ในปัจจุบันมีการพัฒนาคอมพิวเตอร์ที่ใช้แนวคิดนี้ขึ้นมาแทนที่ซึ่งมีหลายบริษัทได้ให้คำนิยามที่แตกต่างกันไป หลักๆแล้วก็มี 2 ความหมายด้วยกันคือ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet Personal Computer)" และ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet"
 
 
แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)
"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC (Tablet personal computer)" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่สามารถพกพาได้และใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก ออกแบบให้สามารถทำงานได้ด้วยตัวมันเอง" ซึ่งเป็นแนวคิดที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากหลังจากทาง Microsoft ได้ทำการเปิดตัว Microsoft Tablet PC ในปี 2001 แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไปและไม่เป็นที่นิยมมากนัก 
 
"แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ไม่เหมือนกับคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหรือ Laptops ตรงที่อาจจะไม่มีแป้นพิมพ์ในการใช้งาน แต่อาจจะใช้แป้นพิมพ์เสมือนจริงในการใช้งานแทน (มีแป้นพิมพ์ปรากฎบนหน้าจอใช้การสัมผัสในการพิมพ์) "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ทุกเครื่องจะมีอุปกรณ์ไร้สายสำหรับการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตและระบบเครือข่ายภายใน
 
ภาพ HP Compaq tablet PC ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows


แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือ แท็บเล็ต - Tablet
"แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" หรือเรียกสั้นๆว่า "แท็บเล็ต - Tablet" คือ "เครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้ในขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางและใช้หน้าจอสัมผัสในการทำงานเป็นอันดับแรก มีคีย์บอร์ดเสมือนจริงหรือปากกาดิจิตอลในการใช้งานแทนที่แป้นพิมพ์คีย์บอร์ด และมีความหมายครอบคลุมถึงโน๊คบุ๊คแบบ convertible ที่มีหน้าจอแบบสัมผัสและมีแป้นพิมพ์คีย์บอร์ดติดมาด้วยไม่ว่าจะเป็นแบบหมุนหรือแบบสไลด์ก็ตาม"  
 
ซึ่งทางบริษัท Apple ผู้ผลิต "ไอแพด - iPad" ได้เรียกอุปกรณ์ของตัวเองว่าเป็น "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer" เครื่องแรก
 
ภาพ Apple iPad
 
 
ความแตกต่างระหว่าง "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet computer" และ "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC"
เริ่มแรก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" จะใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม x86 ของ Intel เป็นพื้นฐานและมีการปรับแต่งนำเอาระบบปฏิบัติการหรือ OS ของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือ Personal Computer - PC มาทำให้สามารถใช้การสัมผัสในการทำงานได้ ตัวอย่างเช่น Windows 7 หรือ Ubuntu Linux แทนที่จะใช้แป้นพิมพ์คีย์บอร์ดหรือเมาส์ และเนื่องจากเป็นการรวมกันระหว่างระบบปฏิบัติการ Windows และหน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ของ Intel ทำให้มีคนเรียกกันว่า "Wintel"
 
ต่อมาในปี 2010 ได้เกิดแท็บเล็ตที่แตกต่างจาก "แท็บเล็ต พีซี - Tablet PC" ขึ้นมาโดยไม่มีการยึดติดกับ Wintel แต่ไปใช้ระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์เคลื่อนที่แทนนั่นก็คือ "แท็บเล็ต คอมพิวเตอร์ - Tablet Computer หรือเรียกสั้นๆว่า แท็บเล็ต - Tablet" ซึ่งจะใช้หน้าจอแบบ capacitive แทนที่ resistive ทำให้สามารถสัมผัสโดยการใช้นิ้วได้โดยตรงและสัมผัสพร้อมกันทีละหลายจุดได้หรือ multi-touch ประกอบกับการใช้หน่วยประมวลผลกลางหรือ CPU ที่ใช้สถาปัตยกรรม ARM แทนซึ่งสถาปัตยกรรม ARM นี้ทำให้แท็บเล็ตนั้นมีการใช้งานได้ยาวนานกว่าสถาปัตยกรรม x86 ของ Intel หลายๆคนคงจะรู้จักแท็บเล็ตตัวนี้กันเป็นอย่างดีนั้นก็คือ ไอแพด (iPad) นั้นเอง
 
** สรุปความหมายของแท็บเล็ตสั้นๆ ก็คือ คอมพิวเตอร์พกพาหรือคอมพิวเตอร์ที่สามารถใช้งานขณะเคลื่อนที่ได้ขนาดกลางที่มีหน้าจอแบบสัมผัสในการใช้งานเป็นหลัก

แต่นั่นก็เป็นมุมมองของแต่ละบริษัทและแต่ละคนว่าจะเรียกมันว่าอะไร ในอนาคตอาจจะมีการนิยามคำว่า แท็บเล็ต ใหม่ให้มันกระชับและครอบคลุมมากกว่านี้ก็ได้ครับ
 
เรียบเรียงโดย isack แหล่งข้อมูลจาก


อ่านต่อ : http://www.kruwandee.com/knowledge-id75.html#ixzz1YD3U8Duo

IPv4 และ IPv6 คืออะไร


เมื่อเราเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานอินเทอร์เน็ต คงจะเคยเห็นตัวเลขแปลกๆ เช่น 127.0.0.1 หรือ 192.168.1.1 หรือจำนวนอื่นๆ ตัวเลขเหล่านี้คืออะไรกัน
ตัวเลขเหล่านี้คือหมายเลข IP ประจำเครื่องครับ โดย IP ก็ย่อมาจากคำว่า Internet Protocol หน้าที่ของเจ้าเลขพวกนี้ก็คือ เป็นหลายเลขที่ใช้ในระบบเครือข่าย เป็นหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ของเรา ในกรณีที่เราเชื่อมต่อกับระบบเครือข่าย ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น โทรศัพท์มือถือทุกเครื่องก็จะมีเลขหมายหรือเบอร์โทรศัพท์เพื่อบอกว่าถ้าจะติดต่อเครื่องนี้ให้โทรมาที่เบอร์นี้นะ เช่นเดียวกันครับ คอมพิวเตอร์ก็มีเลขหมายหรือพูดง่ายก็คือชื่อมันนั่นเอง เพือให้เครื่องคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์ต่างๆ บนระบบเครือข่ายรู้จักกัน
จากหมายเลข IP ที่ยกตัวอย่างไปด้านบน เราเรียกว่า IPv4 ครับ โดยจะเป็นหมายเลขที่มีทั้งหมด 32 บิต (แต่ละช่วงเว้นวรรคด้วย . ) แบ่งเป็นช่วงละ 8 บิต โดยตัวเลข 8 นี้ก็จะมีค่าตั้งแต่ 0 – 255 ครับ ดังนั้น IPv4 จึงมีหมายเลขได้ตั่งแต่ 0.0.0.0 ถึง 255.255.255.255 แต่ก็ใช่ว่าทุกตัวจะใช้ได้หมดนะครับ เพราะจะมีบางหมายเลขที่ถูกเก็บไว้ใช้งานเฉพาะ
IPv4 ทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็น Class ชนิดต่างๆ เพื่อจุดประสงค์ในการใช้งานที่ต่างกันไป ดังนี้ครับ
  1. คลาส A เริ่มตั้งแต่ 1.0.0.1 ถึง 127.255.255.254
  2. คลาส B เริ่มตั้งแต่ 128.0.0.1 ถึง 191.255.255.254
  3. คลาส C เริ่มตั้งแต่ 192.0.1.1 ถึง 223.255.254.254
  4. คลาส D เริ่มตั้งแต่ 224.0.0.0 ถึง 239.255.255.255 ใช้สำหรับงาน multicast
  5. คลาส E เริ่มตั้งแต่ 240.0.0.0 ถึง 255.255.255.254 ถูกสำรองไว้ ยังไม่มีการใช้งาน
สำหรับไอพีในช่วง 127.0.0.0 ถึง 127.255.255.255 ใช้สำหรับการทดสอบระบบ
แต่หมายเลข IP ด้านบนนี้ก็ยังถูกแบ่งออกเป็นอีก 2 ประเภทคือ IP ส่วนตัว (Private IP) และ IP สาธารณะ (Publish IP)
โดย IP ส่วนตัวมีไว้สำหรับใช้งานภายในองค์กรเท่านั้น ได้แก่
  1. ไอพีส่วนตัว คลาส A เริ่มตั้งแต่ 10.0.0.0 ถึง 10.255.255.255 สับเน็ตมาสต์ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.0.0.0 ขึ้นไป
  2. ไอพีส่วนตัว คลาส B เริ่มตั้งแต่ 172.16.0.0 ถึง 172.31.255.255 สับเน็ตมาสต์ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.240.0.0 ขึ้นไป
  3. ไอพีส่วนตัว คลาส C เริ่มตั้งแต่ 192.168.0.0 ถึง 192.168.255.255 สับเน็ตมาสต์ที่ใช้ได้ เริ่มตั้งแต่ 255.255.0.0 ขึ้นไป
ไอพีส่วนตัวข้างต้นถูกกำหนดให้ไม่สามารถนำไปใช้งานในเครือข่ายสาธารณะ (Internet)
ส่วน IP สาธารณะมีไว้สำหรับให้แต่ละองค์กร หรือแต่ละบุคคลใช้ในการเชื่อมต่อระบบเครือข่ายเข้าหากัน
จากช่วงของ IPv4 ตั้งแต่ 1.1.1.1 ถึง 255.255.255.255 ถ้าคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องใช้หนึ่งหมายเลข เช่น เครื่องผมใช้ 1.1.1.1 เครื่องที่สองใช้ 1.1.1.2 เราก็จะประมาณได้ว่าเราจะมีคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงอยู่ในระบบเครือข่ายได้ทั้งหมดประมาณ 232 เครื่องครับ ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะมาก แต่ก็ยังเยอะไม่พอ เพราะว่า IPv4 ที่แจกจ่ายให้เครื่องคอมพิวเตอร์ทั่วโลกได้กำลังจะหมดลงไปแล้ว
แล้วเราจะทำอย่างไรดี ถ้าเราซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์มาแล้วไม่มี IP ให้เราใช้ล่ะ วิธีการที่นักคอมพิวเตอร์แก้ไขก็คือการกำหนดหมายเลข IP ใหม่ขึ้นมาครับ โดย IP ใหม่นี้ถูกเรียกว่า IPv6 (Internet Protocol version 6) ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลน IP โดย IPv6 นี้ใช้ระบบเลข 128 บิต ดังนั้นจึงมีจำนวน IP ได้มากสุดถึง 2128 หมายเลขครับ เยอะมากที่จะพอให้มนุษย์บนโลกนี้ใช้ได้ไปอีกนานเลยทีเดียว
ตัวอย่าง IPv6 ก็จะกำหนดในลักษณะดังนี้ครับ 2001:0db8:85a3:0000:0000:8a2e:0370:


ที่มา: On 09/07/2011, in Technology, by ณัฐพล บัวอุไร